ยุทธศาสตร์กวางสี : ประตูสู่อาเซียนของจีน ตอนที่ 6 ;
มณทลกวางสีสั่งปิดกิจการที่เข้าข่ายอุตสาหกรรมล้าสมัย
ปีที่ผ่านมา กว่างซีสั่งปิดกิจการที่เข้าข่ายอุตสาหกรรมล้าสมัย จำนวน 150 ราย ครอบคลุมอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้า 2.4 หมื่นกิโลวัตต์ อุตสาหกรรมเหล็กอัลลอยด์ 3.5 แสนตัน อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ 16.3 ล้านตัน อุตสาหกรรมผลิตกระดาษ 3.1 แสนตัน อุตสาหกรรมผลิตหนัง 8 หมื่นผื่นมาตรฐาน อุตสาหกรรมผลิตแป้งสตาร์ช 4 พันตัน และอุตสาหกรรมถ่านหิน 1.2 แสนตัน
โดยที่ “อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์” เป็นเป้าหมายหลัก มีจำนวนวิสาหกิจที่ถูกสั่งปิดกิจการสูงสุด จำนวน 100 ราย เมื่อปีก่อน (ปี 55) ทางการกว่างซีได้ออกประกาศ “ข้อคิดเห็นว่าด้วยการควบคุมอย่างเข้มงวดต่อการอนุมัติการลงทุนในโครงการที่มีการสิ้นเปลืองพลังงานสูงและก่อมลพิษสูง” รวมทั้งมีการกำหนด “บัญชีรายชื่อโครงการลงทุนที่มีการสิ้นเปลืองพลังงานสูงและก่อมลพิษสูงประเภทที่ต้องจำกัดและประเภทที่ต้องกำจัด” เพื่อควบคุมอุตสาหกรรมล้าสมัยในกว่างซี แนวทางการดำเนินการหลัก คือ (1) โครงการเก่า ทางการกว่างซีพร้อมสนับสนุนให้กิจการดังกล่าวปรับปรุงโครงสร้างการผลิตและเทคโนโลยีการผลิต ไม่อนุญาตให้ขยายพื้นที่ทำธุรกิจ หรือสั่งปิดกิจการนั้นๆ และ (2) โครงการใหม่ มีขั้นตอนการตรวจสอบอนุมัติที่เคร่งครัด มีการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานการดำเนินธุรกิจที่สูงขึ้น หรือไม่อนุมัติโครงการลงทุนใหม่ ภูมิหลังของมาตรการล้างบางอุตสาหกรรมล้าสมัยเป็นแนวทางที่รัฐบาลกลางได้กำหนดตามกระแส“อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” (เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก) เพื่อต้องการกำจัดภาคอุตสาหกรรมที่ขาดประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดความสิ้นเปลือง และสร้างมลพิษสูง มาตรการดังกล่าวยังเป็นส่วนหนึ่งของแผนการควบคุมยอดการผลิตที่เกินความจำเป็นที่สืบเนื่องจากความกังวลว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจอาจก่อให้เกิดการลงทุนในบางภาคอุตสาหกรรมมากเกินไป ดังนั้นสำหรับผู้ประกอบการไทยที่สนใจจะเข้ามาทำธุรกิจในกว่างซี (จีน) จะต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่า กิจการของท่านเข้าข่ายธุรกิจที่มีการสิ้นเปลืองพลังงานสูงและก่อมลพิษสูงหรือไม่ ทั้งนี้ คาดหมายว่า มาตรการดังกล่าวจะบังคับใช้อยู่ต่อเนื่อง และอาจจะทวีความเข้มข้นมากขึ้นในอนาคต Resource from: http://www.thaibizchina.com/thaibizchina/th/china-economic-business/result.php?IBLOCK_ID=69&SECTION_ID=458&ELEMENT_ID=12731 |
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น